การเลือกโต๊ะบาคาร่าเป็น 1 ในกลยุทธ์ทำเงินที่ช่วยให้การเดิมพันง่ายขึ้น และ เข้าทางกับสไตล์การเล่นของแต่ละบุคคลได้ดีมากขึ้น
ยกตัวอย่างๆ
- คนที่ชอบเล่นเฉพาะเค้าไพ่หลัก ไม่ดูโปร่ง ทึบ ขีด ไม่ดูอะไรเลยดูแต่เค้าไพ่หลัก
- การเลือกห้องก็ควรเลือกห้องที่มีผลลัพธ์ออกไปตามเค้าไพ่หลัก
ถ้าเลือกห้องที่ตัวเองถนัดเวลาเล่นก็จะคาดเดาได้ง่ายขึ้น ว่าเค้าไพ่หลักมาแบบนี้ก็กดตาม โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าไพ่จะออกสวนเค้าไพ่หลัก เป็นต้นครับ
แต่ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมเลือกเล่นกับเว็บพนันถูกกฎหมายด้วย เพราะถ้าเล่นกับเว็บเอเย่นต์ ถึงจะเลือกห้องดีมาก แต่ถ้ากำไรไปสักพักเขาเข้าไปโกงหลังบ้าน จะกดยังไงมันก็แพ้อยู่ดีครับ
แนะนำคนที่ไม่เก่งภาษา แต่อยากเล่นกับเว็บต่างประเทศที่มีใบอนุญาตจริง เปิดมานานเกือบ 20 ปี เจ้าของมีตัวตนจริง และมีภาษาไทย แนะนำที่ KUBET เลยครับ มีครบทุกข้อที่บอกไป
ทริคเลือกโต๊ะบาคาร่าในแต่ละความถนัด
สังเกต “เค้าไพ่” (Pattern Recognition)
นี่เป็นสิ่งที่นักพนันบาคาร่าส่วนใหญ่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยการดูจากประวัติการออกผลของไพ่ในโต๊ะนั้นๆ หรือที่เรียกว่า สถิติการเล่นย้อนหลัง ซึ่งมักจะแสดงบนจอข้างโต๊ะหรือบนหน้าจอในเกมออนไลน์
- เค้าไพ่มังกร: คือการที่ไพ่ออกฝั่งเดียวติดต่อกันหลายๆ ครั้ง เช่น แดงติดกัน 5 ครั้ง (P-P-P-P-P) หรือ น้ำเงินติดกัน 6 ครั้ง (B-B-B-B-B-B) เมื่อเห็นเค้าไพ่นี้ ผู้เล่นมักจะตามแทงฝั่งที่กำลังออกยาวๆ
- เค้าไพ่ปิงปอง: คือการที่ไพ่ออกสลับกันไปมา เช่น แดง-น้ำเงิน-แดง-น้ำเงิน (P-B-P-B) เมื่อเห็นเค้าไพ่นี้ ผู้เล่นมักจะแทงสลับตาม
- เค้าไพ่คู่: คือการที่ไพ่ออกเป็นคู่ เช่น แดง-แดง-น้ำเงิน-น้ำเงิน (P-P-B-B)
- เค้าไพ่สามตัด: คือการที่ไพ่ออกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง 3 ครั้งแล้วเปลี่ยนไปออกอีกฝั่ง
ทริค:
- เลือกโต๊ะที่กำลัง “เดินเค้า” ชัดเจน: หากโต๊ะไหนยังออกผลสลับไปมาไม่เป็นรูปแบบที่ชัดเจน อาจจะรอดูไปก่อน หรือเปลี่ยนโต๊ะไปหาโต๊ะที่กำลังมีเค้าไพ่ที่ชัดเจน เช่น กำลังออกมังกรยาวๆ หรือปิงปองสลับ
- อย่าเชื่อเค้าไพ่ 100%: เค้าไพ่เป็นเพียงสถิติจากผลที่ออกมาแล้ว ไม่ใช่การรับประกันผลในอนาคตเสมอไป การเปลี่ยนแปลงของเค้าไพ่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
จำนวนขอนไพ่ที่เหลือ (Decks Remaining)
บาคาร่าส่วนใหญ่จะใช้ไพ่หลายสำรับรวมกัน (ปกติ 6-8 สำรับ)
- หลีกเลี่ยงโต๊ะที่กำลังจะจบรอบ (ใกล้หมดสำรับ): เมื่อไพ่เหลือจำนวนน้อย (เช่น เหลือไพ่ในสำรับไม่กี่สิบใบ) การออกผลอาจจะคาดเดายากขึ้น เพราะไพ่ที่เหลืออยู่น้อยอาจจะไม่เป็นไปตามรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นมา
- มองหาโต๊ะที่เพิ่งเริ่มต้น (เพิ่งแจกไพ่ชุดใหม่): โต๊ะที่เพิ่งเริ่มต้นขอนใหม่ มักจะมีประวัติเค้าไพ่ที่สั้น ทำให้ผู้เล่นสามารถเริ่มสังเกตการณ์และจดบันทึกได้ง่ายขึ้น และบางคนเชื่อว่าการออกไพ่ในช่วงต้นๆ ขอนจะมีความเป็นธรรมชาติและเป็นรูปแบบมากกว่า
พิจารณาอัตราเดิมพันขั้นต่ำ/สูงสุด (Min/Max Bets)
- เลือกโต๊ะที่เหมาะกับงบประมาณ: หากคุณมีงบประมาณจำกัด ควรเลือกโต๊ะที่มีการเดิมพันขั้นต่ำไม่สูงมาก เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสเล่นได้หลายตาและบริหารเงินทุนได้ดีขึ้น หากคุณเป็นผู้เล่นทุนหนา ก็สามารถเลือกโต๊ะที่มีลิมิตการเดิมพันสูงขึ้นได้
- คิดถึงการเดินเงิน: หากคุณใช้กลยุทธ์การเดินเงิน เช่น Martingale ที่ต้องเพิ่มเงินเดิมพันเมื่อเสีย คุณต้องแน่ใจว่าลิมิตสูงสุดของโต๊ะนั้นๆ สูงพอที่จะรองรับแผนการเดินเงินของคุณได้
สังเกต “อัตราจ่าย” (Payout Odds)
- เดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) มี House Edge ต่ำกว่า: โดยปกติแล้ว การเดิมพันฝั่งเจ้ามือจะมีโอกาสชนะสูงกว่าเล็กน้อย (ราว 49% เทียบกับผู้เล่นที่ 48%) แต่จะมีการหักค่าคอมมิชชั่น 5% หากชนะ ซึ่งทำให้ House Edge ของ Banker อยู่ที่ประมาณ 1.06% ในขณะที่ Player มี House Edge ประมาณ 1.24% และ Tie (เสมอ) มี House Edge สูงถึง 14.36% (ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเดิมพันเสมอ)
- เลือกโต๊ะที่อัตราจ่ายเหมาะสม: แม้ว่าส่วนใหญ่จะเหมือนกัน แต่บางคาสิโนหรือบางโต๊ะอาจมีข้อเสนอพิเศษที่แตกต่างกันเล็กน้อย ควรตรวจสอบให้แน่ใจ
หลีกเลี่ยง “โต๊ะที่เล่นเร็ว” (Fast-paced tables) เช่น Mini Baccarat
- Mini Baccarat มักจะมีการตัดสินผลที่รวดเร็วกว่าโต๊ะปกติ ทำให้คุณต้องตัดสินใจและวางเดิมพันได้เร็วกว่า หากคุณยังไม่เชี่ยวชาญ อาจจะทำให้พลาดหรือตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย และเสียเงินเร็วขึ้น
ข้อควรระวัง
- ไม่มีระบบหรือทริคใดที่รับประกันการชนะ 100%: บาคาร่าเป็นเกมแห่งโอกาส เค้าไพ่เป็นเพียงสถิติ ไม่ใช่การทำนายอนาคต
- บริหารเงินทุนอย่างมีวินัย: ตั้งงบประมาณสำหรับการเล่นและยึดมั่นกับมัน กำหนดจุดคุ้มทุนและจุดตัดขาดทุน เมื่อถึงเป้าหมายแล้วควรหยุด
- เว็บเอเย่นต์โกงได้โดยไม่มีความผิด: ควรจะเล่นกับเว็บที่ปลอดภัย ไม่ใช่เว็บที่สามารถโกงได้แบบลอยนวล
เว็บต่างประเทศมีใบอนุญาต แต่มีภาษาไทย ปลอดภัย 100% แนะนำที่ KUBET